E-Marketing หรือการตลาดอิเล็กทรอนิกส์
(Electronic Marketing) คือ
การดำเนินธุรกิจทางการตลาดที่ใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เข้ามาเป็นสื่อกลาง
เช่น โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ PDA ที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
เข้ามาดำเนินการทางตลาด เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายขององค์กร
คุณลักษณะเฉพาะของ E-Marketing
1. สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้เฉพาะเจาะจง
2. สื่อสารแบบสองทิศทาง (Full Duplex)
3. กลุ่มเป้าหมายสามารถระบุรูปแบบสินค้าและบริการได้ตามความต้องการ
4. มีการกระจายไปยังกลุ่มผู้บริโภค
5. นักการตลาดสามารถสื่อสารได้ทุกมุมโลก ตลอด 24 ชั่วโมง
6. โต้ตอบการสื่อสานได้อย่างรวดเร็ว
7. มีต้นทุนต่ำ ได้ประสิทธิผล สามารถวัดผลได้ทันที
8. มีความสัมพันธ์กับกิจกรรมแบบดั้งเดิม
9. มีการตัดสินใจจากข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ
ความแตกต่างระหว่าง E-Marketing และการตลาดแบบเดิม
E-Marketing
มีส่วนผสมแนวความคิดทางการตลาดเข้ากับเทคนิคด้านการออกแบบ,
การพัฒนา, การโฆษณาและการขาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจและลูกค้า
อำนวยประโยชน์ในการประกอบธุรกิจได้อย่างครบถ้วน
การตลาดแบบเดิม (Traditional Marketing) นั้นมีกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย
ไม่เน้นทำกับคนหนึ่งคนใด มักใช้วิธีการแบ่งส่วนตลาด แต่คลอบคลุมได้บางพื้นที่
ในขณะที่ E-Marketing จะสามารถควบคุมได้ทั่วโลก
โครงสร้างของ E-Business ที่ประกอบไปด้วย E-Commerce และ E-Marketing
E-Commerce เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าหรือบริการ
การขนส่งและกรชำระเงิน
E-Marketing เกี่ยวข้องกับการตลาด
ทำยังไงจะให้ขายของได้ เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายโดยผ่านการโฆษณา
ประชาสัมพันธ์ต่างๆ ทางเว็บไซต์ หรือสังคมออนไลน์
E-Business เป็นตัวประสานงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กร
ลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ โดยใช้ ERP, E-Supply Chain Management
กระบวนการในการจัดการทางการตลาดของ E-Marketing
1)การจำแนกแยกแยะ ว่าลูกค้าคือใคร ต้องการอะไร อยู่ที่ไหน
และมีพฤติกรรมในการซื้ออย่างไร
2)การทำนายความคาดหวังของลูกค้า
คือหัวใจสำคัญในการทำ E-Marketing จากการวิเคราะห์จากช่องทางที่ลูกค้าเข้าถึงข้อมูล
และสามารถเลือกซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น และมาส่วนสนับสนุนทำให้มีรายได้เพิ่ม
3)สนองความพอใจของลูกค้า คือเป็นความสำเร็จของการทำ E-Marketing ด้านความพึงพอใจให้กับลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์
การสนับสนุนการให้บริการลูกค้า อาจช่วยเพิ่มลูกค้าใหม่ และรักษาลูกค้าเก่าไว้
ประโยชน์ของการนำ E-Marketing เข้ามาใช้ 5Ss’
1. การขาย (Sell) ทำให้บอดขายเพิ่มขึ้นจากการทำตลาดออนไลน์
2. บริการ (Service) สร้างประโยชน์ที่เพิ่มให้กับลูกค้าโดยการให้สิทธิพิเศษต่างๆ
3. การพูดคุย (Speak) สร้างความใกล้ชิดกับลูกค้า
ทำให้เราทราบความคิดเห็นและความต้องการจากลูกค้า โดยตรง
4. ประหยัด (Save) ลดลงจากการจ่ายค่ากระดาษที่ต้องพิมพ์ส่งให้ลูกค้า
โดยการส่งจดหมายข่าว E- Newsletter แทน
5. การประกาศ (Sizzle) การประกาศสัญลักษณ์หรือแบรนด์สินค้าผ่านออนไลน์
ทำให้เป็นที่รู้จักและคุ้นเคยแก่ ลูกค้า
หลักการของ E-Marketing
- เน้นความต้อง
การของลูกค้าแต่ละคนเป็นหลักมากกว่าความต้องการของตลาดที่เน้นขายผลิตภัณฑ์มากกว่าความต้องการของลูกค้า
- ตลาดบนเว็บถือลูกค้าเป็นใหญ่
เพราะลูกค้ามีสิทธิจะเลือกซื้อสินค้าใครก็ได้ การแบ่งส่วนการตลาดจึงเป็นแบบ Micro
Segmentation ดังนั้นจึงต้องมีการจัดการ CRM เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า
- การวางตำแหน่งสินค้า
ต้องเป็นไปตามความต้องการของแต่ละบุคคล หากความต้องการนั้นเปลี่ยน
ระบบก็ต้องเคลื่อนตำแหน่งของการวางนั้นด้วย
- ต้องรู้จักความต้องการของลูกค้า
จากการติดตามพฤติกรรมการซื้อของกลุ่มเป้าหมาย
- ต้องปรับตัวสินค้าและราคาจากการเปรียบเทียบคุณค่าสินค้าของเรากับคู่แข่ง ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
- การให้
Option กับลูกค้าในการตกแต่งสินค้าตามความต้องการได้เอง
รวมทั้งคำนวณราคาด้วย เป็นวิธีที่ทำให้ลูกค้าได้รับคุณค่าและตอบสนองความต้องการได้ดีที่สุด
การควบคุมการตลาดอิเล็กทรอนิกส์
แบ่งได้ออกเป็น 6 ขั้นตอน คือ SOSTAC
Situation Analysis การวิเคราะห์สถานการณ์จากเป้าหมาย,
การเข้าใจลูกค้า วิเคราะห์ SWOT ของ E-Marketing
Objective คือวัตถุประสงค์จาก 5Ss’
(Sell,Service,Speak,Save,Sizzle)
Strategy กลยุทธ์ที่ใช้ ส่วนแบ่งการตลาด
เป้าหมายและการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์, OVP, ลำดับขั้นตอนความน่าเชื่อถือ, การรวม OVP เข้ากับฐานข้อมูลและการใช้ข้อมูล
Tactics ด้านส่วนผสมทางการตลาดอิเล็กทรอนิกส์,
สังคมออนไลน์, รายละเอียดของกลยุทธ์ต่างๆ
Action การปฏิบัติงาน
ใครมีหน้าที่และความรับผิดชอบในส่วนไหน,
มีความสามารถและทรัพยากรอะไร,
มีหน่วยงานภายนอกหรือไม่
Control การควบคุม
ดูจากการวิเคราะห์ทางเว็บ, ความถี่ของรายงาน, ผู้เข้ามาเยี่ยมชนเว็บไซต์, ขั้นตอนและรายงานการปฏิบัติงาน
7 ขั้นตอนสำหรับการทำ E-Marketing
ขั้นที่ 1 กำหนดวัตถุประสงค์ มี 6 ด้านดังนี้
1.1 เพื่อสร้างยอดขาย ด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจ
1.2 สร้างภาพลักษณ์ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
1.3 การให้บริการและสนับสนุนการขาย เช่น มีบริการหลังการขาย
1.4 การสร้างตราสินค้า เพื่อให้เป็นที่รู้จักและลูกค้าจดจำได้
1.5 การรักษาฐานลูกค้า โดยการสร้างความพึงพอใจ
มีความเกี่ยวเนื่องกับการบริหาร CRM
1.6 การสร้างความจงรักพักดีในตราสินค้า
ว่าลูกค้าจะไม่เปลี่ยนใจไปซื้อสินค้าอื่น เกี่ยวกับการสร้างความไว้วางใจให้แก่ลูกค้า
ขั้นที่ 2 กำหนดกลุ่มเป้าหมายด้วยวิธี 5W+1H
2.1 Who ลูกค้าคือใคร ทุกรายละเอียดของลูกค้าทั้งเพศ อายุ อาชีพ ฯลฯ
2.2
What ลูกค้าต้องการอะไร เพื่อทราบอุปสงค์ (Demand)
2.3 Where ลูกค้าอยู่ที่ไหน สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร เพื่อที่จะเจาะกลุ่มลูกค้าได้ตรงใจ
2.5
Why ทำไมลูกค้าต้องมาที่เรา เราดีกว่าคู่แข่งตรงจุดไหน
เพื่อที่เราจะได้พัฒนาสินค้าและบริการ
2.6
How เราสามารถเข้ากับลูกค้าได้อย่างไร
เพื่อที่จะรักษาฐานลูกค้า
โดยควรมีการวางแผนและกำหนดวิธีการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
ขั้นที่ 3 วางแผนงบประมาณในการดำเนินงาน ซึ่งมีด้วยกันหลาวิธี เช่น
วางแผนงบประมาณตามสัดส่วนจากการขาย
วางแผนงบประมาณตามสภาพตลาด
วางแผนงบประมาณตามวัตถุประสงค์
วางแผนงบประมาณตามเงินทุน
ขั้นที่ 4 กำหนดแนวคิด รูปแบบ หาจุดขาย โดยใช้แนวความคิดที่แปลกใหม่
โดยเป็นการสร้างจุดเด่นหรือจุดที่แตกต่างจากคู่แข่ง ทำให้เกิดเป็นเอกลักษณ์
ทั้งนี้ต้องยืนอยู่บนเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เป็นสำคัญ
ขั้นที่ 5 การวางแผนกลยุทธ์ ที่ใช้สำหรับการทำหารตลาดออนไลน์
เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์
ขั้นที่ 6 การดำเนินการตามแผนที่วางไว้
ขั้นที่ 7 วัดผลและประเมินผลลัพธ์
ว่าจะประสบผลสำเร็จมากน้อยเพียงใด
เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจการดำเนินงานตามผนธุรกิจต่อไป
6 Cs กับความสำเร็จของการทำเว็บ E-Marketing
Content
(ข้อมูล) ประกอบด้วย ข้อมูลที่ใหม่เสมอ, มีความถูกต้อง และมีแหล่งอ้างอิงของข้อมูลที่มา
การจัดการข้อมูล มี
2 รูปแบบ คือ 1)
เว็บไซต์ที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลอยู่เสมอ
2)
เว็บไซต์ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลบ่อย
รูปแบบของการหาข้อมูล
มีดังนี้ 1) ผู้จัดทำเป็นผู้ผลิตขึ้นมาเอง
2)
จากผู้เข้ามาใช้บริการ
3)
จากพันธมิตร
Community
(ชุมชน,สังคม) เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง องค์ประกอบของการสร้าง Community
ในเว็บไซต์ มีดังนี้
1) เว็บบอร์ด
2) พิ๊กโพสต์
3) ไดอารี่/บล็อก
4) ข่าว
5) รวมลิงค์ เว็บไซต์
6) ห้องแชทรูม
Commerce
(การค้าขาย) บนเว็บซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับเว็บไซต์
Customization
(การปรับให้เหมาะสม) คือรูปแบบการให้บริการที่สามารถปรับแต่งการใช้งานให้มีความเหมาะสมกับผู้ใช้บริการ
Communication,
Channel (การสื่อสารและช่องทางการสื่อสาร)
เพื่อให้สามารถติดต่อกับผู้ใช้บริการเว็บไซต์ได้
Convenience
(สะดวกสบาย) ดังนี้ เรียนรู้ ดูง่าย จดจำ เข้าถึง
มีประสิทธิภาพ และแก้ไขปัญหาได้ง่าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น